จบใหม่ทำอย่างไรให้ได้งาน
ก้าวเข้าสู่ปี่ที่ 4 อย่างมั่น ใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว เตรียมพร้อมก้าวสู่โลกกว้างแห่งการทำงาน สมัยนี้งานก็หายากแสนยาก เอะอะไม่ขอวุฒิปริญญาโท ไม่ก็ขอให้มีประสบการณ์ในการทำงาน ก็เพิ่งจบใหม่ ไม่เคยทำงานมาก่อนแล้วจะให้เอาประสบการณ์ที่ไหนมานะ แล้วจะหางานกับเค้าได้มั้ยเนี่ย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นความเครียดของน้องๆจบใหม่ที่กำลังจะโบยบินออกไปหางาน สำหรับสายงานบางสายงานที่เป็นอาชีพหายากหรืออาชีพขาดแคลน เช่น แพทย์ นักเทคนิคการแพทย์ เภสัชกร วิศวกรรม เป็นต้น ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของน้องๆจบใหม่ที่จะไม่ลำบากสำหรับการหางานมากนัก แต่สำหรับคนที่จบสายทั่วไป เช่น สังคม ภาษา เศรษฐศษสตร์ บริหารธุรกิจ ฯลฯ คงต้องเข้ามาแข่งขันกันในตลาดแรงงานกันสักหน่อย
ถึงเราจะเป็นเด็กจบใหม่ก็ไม่เป็นไรกังวลได้แต่อย่าเครียดกับมันมากจนเกินไป เปิดมุมมองใหม่แล้วมาหาทางกันดีกว่าว่าจะทำยังไงให้เราเป็นตัวเลือกที่จะแข่งขันกับคนมีประสบการณ์ได้ดีกว่า เริ่มต้นจากสิ่งที่จะทำให้บริษัทรู้จักตัวเราก่อนก็คือเรซูเม่หรือประวัติการทำงานของเรานี่แหละ เราอาจจะยังไม่มีประสบการณ์การทำงานจริงอะไรมากมาย แต่เราเลือกจะหยิบยกข้อมูลมานำเสนอให้ประวัติเราดูน่าอ่านมากขึ้นได้ เช่น กิจกรรมพิเศษระหว่างเรียน การทำงานพิเศษระหว่างปิดภาคเรียน การเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนช่วงฤดูร้อนที่ต่างประเทศ การเป็นกรรมการหรือการเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหรือชมรมต่างๆในมหาวิทยาลัย รวมถึงกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ เป็นต้น อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะจ้ะ เป็นข้อมูลซัพพอร์ตเราเป็นอย่างดีเลยทีเดียวหละ เจ้าหน้าที่เค้าจะพิจารณาดูว่ากิจกรรมพิเศษที่เราเคยทำพวกนี้งานลักษณะไหนที่มันมาประยุกต์ใช้ในหน้างานหรือตำแหน่งงานที่สมัครจริงๆได้บ้าง
เมื่อมีโอกาสถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งงานที่เราสมัครงานเข้าไป เตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดี อย่างแรกต้องตีโจทย์ให้แตกว่าตำแหน่งงานที่เค้าเปิดรับสมัครและเรียกเราเข้าไปสัมภาษณ์นั้นคีย์หลักของงานคืออะไร ทำอะไร เป้าหมายของตำแหน่งงานคืออะไร เช่น ตำแหน่ง Management Trainee เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะการบริหารจัดการโครงการเป็นต้น เรามีโจทย์สองข้อหลักๆที่ต้องตีความคือความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งน้องๆสามารถยกตัวอย่างจากสถานการณ์หรือกิจกรรมช่วงระหว่างเรียนที่สะท้อนถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการมาใช้เป็นการตอบคำถ้าและชี้ให้เห็นว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงาน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการสัมภาษณ์ได้ ข้อมูลจากเว็บไซต์หางานที่เราสมัครเข้าไปนั่นแหละ รวมถึงการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยจะยิ่งดี พยายามอย่าวิตกกังวลมากเกินไป อย่าเครียด พยายามเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจ และนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของตำแหน่งงานที่เค้าบอกไว้ ตอบอย่างฉะฉาน หากไม่เข้าใจคำถาม ให้สอบถามหรือขอให้ผู้สัมภาษณ์ทวนคำถามซ้ำก่อนตอบคำถาม กล่าวคำทักทาย และขอบคุณหลังจากที่เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์
ดังนั้นการเป็นเด็กจบใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเสมอไปว่าเราจะสู้คนมีประสบการณ์ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดี ศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมที่สุด ถ้าไม่มั่นใจอาจลองฝึกซ้อมตนเองก่อนลงสนามแข่งจริง ถึงจะเป็นเด็กจบใหม่แต่ศักยภาพไม่ต่างจากคนมีประสบการณ์นะ
ถึงเราจะเป็นเด็กจบใหม่ก็ไม่เป็นไรกังวลได้แต่อย่าเครียดกับมันมากจนเกินไป เปิดมุมมองใหม่แล้วมาหาทางกันดีกว่าว่าจะทำยังไงให้เราเป็นตัวเลือกที่จะแข่งขันกับคนมีประสบการณ์ได้ดีกว่า เริ่มต้นจากสิ่งที่จะทำให้บริษัทรู้จักตัวเราก่อนก็คือเรซูเม่หรือประวัติการทำงานของเรานี่แหละ เราอาจจะยังไม่มีประสบการณ์การทำงานจริงอะไรมากมาย แต่เราเลือกจะหยิบยกข้อมูลมานำเสนอให้ประวัติเราดูน่าอ่านมากขึ้นได้ เช่น กิจกรรมพิเศษระหว่างเรียน การทำงานพิเศษระหว่างปิดภาคเรียน การเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนช่วงฤดูร้อนที่ต่างประเทศ การเป็นกรรมการหรือการเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหรือชมรมต่างๆในมหาวิทยาลัย รวมถึงกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ เป็นต้น อย่าคิดว่าไม่สำคัญนะจ้ะ เป็นข้อมูลซัพพอร์ตเราเป็นอย่างดีเลยทีเดียวหละ เจ้าหน้าที่เค้าจะพิจารณาดูว่ากิจกรรมพิเศษที่เราเคยทำพวกนี้งานลักษณะไหนที่มันมาประยุกต์ใช้ในหน้างานหรือตำแหน่งงานที่สมัครจริงๆได้บ้าง
เมื่อมีโอกาสถูกเรียกเข้าไปสัมภาษณ์งานในตำแหน่งงานที่เราสมัครงานเข้าไป เตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดี อย่างแรกต้องตีโจทย์ให้แตกว่าตำแหน่งงานที่เค้าเปิดรับสมัครและเรียกเราเข้าไปสัมภาษณ์นั้นคีย์หลักของงานคืออะไร ทำอะไร เป้าหมายของตำแหน่งงานคืออะไร เช่น ตำแหน่ง Management Trainee เปิดรับสมัครคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะการบริหารจัดการโครงการเป็นต้น เรามีโจทย์สองข้อหลักๆที่ต้องตีความคือความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งน้องๆสามารถยกตัวอย่างจากสถานการณ์หรือกิจกรรมช่วงระหว่างเรียนที่สะท้อนถึงการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการมาใช้เป็นการตอบคำถ้าและชี้ให้เห็นว่าเรามีคุณสมบัติตรงตามตำแหน่งงาน เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราสามารถเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการสัมภาษณ์ได้ ข้อมูลจากเว็บไซต์หางานที่เราสมัครเข้าไปนั่นแหละ รวมถึงการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่เราจะเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยจะยิ่งดี พยายามอย่าวิตกกังวลมากเกินไป อย่าเครียด พยายามเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจ และนำเสนอให้สอดคล้องกับเป้าหมายของตำแหน่งงานที่เค้าบอกไว้ ตอบอย่างฉะฉาน หากไม่เข้าใจคำถาม ให้สอบถามหรือขอให้ผู้สัมภาษณ์ทวนคำถามซ้ำก่อนตอบคำถาม กล่าวคำทักทาย และขอบคุณหลังจากที่เสร็จสิ้นการสัมภาษณ์
ดังนั้นการเป็นเด็กจบใหม่ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเสมอไปว่าเราจะสู้คนมีประสบการณ์ไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการเตรียมความพร้อมของตัวเองให้ดี ศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมที่สุด ถ้าไม่มั่นใจอาจลองฝึกซ้อมตนเองก่อนลงสนามแข่งจริง ถึงจะเป็นเด็กจบใหม่แต่ศักยภาพไม่ต่างจากคนมีประสบการณ์นะ